แหวนเพชรเป็นเครื่องประดับที่มักนิยมให้เป็นแหวนหมั้น และแหวนแต่งงาน รวมถึงเป็นเครื่องประดับที่หลาย ๆ คน เลือกจะซื้อมาเก็บทำกำไรกันอีกด้วย ซึ่งเวลาในการเลือกซื้อแหวนเพชร บรรดามือใหม่ก็มักจะเลือกด้วยการดูจากน้ำเพชรว่าเป็นเพชรน้ำเท่าไหร่?? เช่น เพชรน้ำ 100 , เพชรน้ำ 99 หรือเพชรน้ำ 98 เป็นต้น
ซึ่งน้ำเพชรที่วงการเพชรเมืองไทยติดปากเรียกกันนั้น ก็คือ สีของเพชร ยิ่งเพชรมีเปอร์เซ็นต์สูง ๆ ตัวเพชรก็จะยิ่งขาว ไม่มีสีเหลืองมาเจือปน และเพชรที่มีเปอร์เซ็นต์ต่ำหน่อย ตัวเพชรก็จะออกสีเหลือง ซึ่งในการกำหนดเกรดสีของเพชร สถาบันอัญมณีศาสตร์ชั้นนำได้กำหนดโดยเริ่มต้นที่ D Color เป็นเพชรขาวบริสุทธิ์ ไม่มีสีอื่นเจือปน โดยความบริสุทธิ์ของสีเพชรจะลดหลั่นลงไปตามนี้
เพชร Colorless ( เพชรระดับไร้สี ) เพชรหายาก และมีราคาสูงที่สุด
- - D Color = น้ำ 100
- - E Color = น้ำ 99
- - F Color = น้ำ 98
เพชร Near Colorless ( เพชรระดับเกือบไร้สี )
- - G Color = น้ำ 97
- - H Color = น้ำ 96
- - I Color = น้ำ 95
- - J Color = น้ำ 94
เพชร Faint Yellow ( เพชรระดับเหลืองจาง ๆ )
- - K Color = น้ำ 93
- - L Color = น้ำ 92
- - M Color = น้ำ 91

โดยในการซื้อเพชรในระดับสากล เราจะเรียกสีเพชรด้วยตัวอักษร D-Z อย่างเช่น เพชรเม็ดนี้สี D ก็คือ เพชรเม็ดนั้น มีเปอร์เซ็นต์ความขาวอยู่ที่ 100% หรือที่วงการเพชรเมืองไทยเราเรียกกันว่า เพชรน้ำ 100 นั่นเอง
ซึ่งในการดูเพชรว่าเพชรเม็ดนั้นเป็นสีเพชรอะไรอย่างง่าย ๆ ก็คือ ให้เรานำเพชรวางคว่ำหน้าบนกระดาษสีขาว โดยเอียงกระดาษให้ทำระดับกับสายตาประมาณ 45 องศา ภายใต้ไฟสีขาว หรือแสงแดด เพื่อความชัดเจนในการดูสีของเพชร เราควรที่จะวางเพชรมาเทียบพร้อม ๆ กัน อย่างน้อยสองเม็ด
และในการเลือกเพชร นอกจากที่เราจะต้องดูว่าเพชรน้ำเท่าไหร่เป็นสิ่งสำคัญแล้ว เรายังต้องดูส่วนอื่น ๆ ประกอบการตัดสินใจอีกด้วย โดยการยึดหลัก 4C ดังนี้
1. ความบริสุทธิ์ ( Clarity ) เช็คดูว่าเพชรแต่ละเม็ดมีตำหนิมากน้อยแค่ไหน โดยต้องพิจารณาด้วยกล้องกำลังขยาย 10 เท่า
2. สี ( Color ) หรือที่วงการเพชรไทยเรียกว่าน้ำเพชร ยิ่งเพชรที่มีน้ำน้อย หรือเพชรมีสีเหลืองเพิ่มขึ้น ราคาก็จะลดลงไป เราจึงควรเลือกเพชรที่มีน้ำเยอะ ๆ
3. การเจียระไน ( Cut ) จะต้องเจียให้ได้สัดส่วนอย่างเหมาะสม ซึ่งก้นของเพชรจะต้องไม่ตื้น หรือลึกจนเกินไป และเหลี่ยมของเพชรจะต้องไม่เบี้ยว หน้าเพชรก็จะต้องไม่กว้าง หรือเล็กเกินไป
4. น้ำหนักกะรัต ( Carat ) ซึ่ง 1 กะรัต จะมีค่าเท่ากับ 0.2 กรัม และราคาเพชรจะมีการคิดเป็นราคาต่อกะรัต ยิ่งเพชรมีขนาดใหญ่น้ำหนักเยอะ ก็จะยิ่งมีราคาต่อกะรัตแพงขึ้น ซึ่งหากใครที่ซื้อเป็นแหวนเพชร และมีความกังวลว่าจะโดนโกงน้ำหนักเพชรหรือไม่ เราสามารถเช็คได้จากเส้นผ่าศูนย์กลางของเพชรเพื่อดูน้ำหนักของเพชรได้ ซึ่งเพชรน้ำหนัก 1.00 กะรัต หน้าเพชรจะอยู่ที่โดยประมาณ 6.4 mm และเพชร 0.50 กะรัต หน้าเพชรจะอยู่ที่ประมาณ 5.0 mm อาจบวกลบเล็กน้อย จากการที่เจียระไนแตกต่างกัน
มีหลายคนเลยทีเดียว ที่เป็นมือใหม่ และคนที่ซื้อขายเพชรมาในระดับหนึ่งแล้ว จะมองหาวิธีการเลือกเพชรให้คุ้มค่าที่สุด ต่างคิดกันว่าการเลือกซื้อเพชรที่มีน้ำสูงๆ อย่างเพชรน้ำ 100 เป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่สุด แต่ว่าหากมองในความคุ้มค่าจริง ๆ เพชรระดับเกือบไร้สี เพชรน้ำ 94 – เพชรน้ำ 97 ก็จัดว่าอยู่ในระดับที่คุ้มค่า เพราะว่าเพชรระดับไร้สี(น้ำ98-100) เมื่อมองจากด้านหน้าของเพชร เราแทบจะไม่เห็นความแตกต่างกับเพชรระดับเกือบไร้สี(น้ำ 94-97) ซึ่งเราจะเห็นความแตกต่าง ด้วยการมองจากด้านก้นของเพชร เราถึงจะเห็นว่าเพชรระดับเกือบไร้สี(น้ำ 94-97) มีติดสีนวล ๆ เล็กน้อยค่ะ