แหวนคือเครื่องประดับที่จัดได้ว่าเป็นงานศิลปะชิ้นเอกชิ้นหนึ่ง ไม่ใช่จากเพียงแค่การออกแบบรูปทรงหรืออัญมณีที่ประดับบนแหวนเท่านั้น ที่ทำให้แหวนวงนั้นๆ เป็น "สิ่งที่พิเศษ" หากแต่เนื้อวัสดุของตัวแหวนเองก็เป็นตัวทำให้แหวนวงนั้นเป็นแหวนที่พิเศษกว่าแหวนอื่นๆได้เช่นเดียวกัน
เนื้อโลหะของแหวนส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นเนื้อโลหะผสมกันโดยทั้งสิ้น แม้กระทั่ง "แหวนทองคำ" แท้ทั้งวงก็ตาม ซึ่งเหตุผลในการที่แหวนทองคำไม่สามารถที่จะเป็นเนื้อทองคำได้ 100% ของแหวนทั้งวงนั้น สืบเนื่องมาจากความอ่อนตัวของเนื้อทองคำบริสุทธิ์ที่สูงมากๆ
ดังนั้นช่างโลหะทำแหวนจึงมักเลือกที่จะผสมโลหะอื่นๆ เข้าไปในทองคำที่ใช้ในการทำเครื่องประดับด้วย ถ้าจะพูดให้เห็นภาพ ก็เหมือนกับน้ำมันดีเซลหรือเบนซิน95 ที่ตัวน้ำมันไม่ได้เป็น เบนซินหรือดีเซลโดยทั้งหมดนั่นแหละ แต่นอกเหนือไปจากราคาที่ลดลงด้วยแล้ว การผสมเนื้อโลหะอื่นๆ เข้าไปในตัวเรือนแหวนสามารถที่จะทำให้เกิด โลหะที่ทนทานและมีเนื้อ, สีที่แปลกตาขึ้นมาได้ โดยเนื้อโลหะที่ช่างทำแหวนนิยมที่จะนำมาทำแหวนในปัจจุบันนี้ แบ่งออกได้หลักๆ ดังนี้…

·
ทอง(Gold) : ทองคำบริสุทธิ์จะวัดอยู่ที่ 24K (เทียบอัตราส่วนที่ 100% เท่ากับ 24K) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วนั้น "แหวนทองคำ" ที่เราเห็นอยู่ในตลาด จะผสมเนื้อโลหะอื่นๆ อย่างเช่น ทองเหลือ, ทองแดง, เงิน หรือสังกะสีเข้าไปด้วย ทั้งนี้เพื่อช่วยทำให้ตัวแหวนมีความทนทานแข็งแรงมากขึ้น โดยอัตราส่วนในการผสมจะแบ่งได้จากสูงสุดคือ 24K จะมีทองผสมอยู่ 99.99%(ทองคำแท่งหรือทองสวิส), 23K จะมีทองผสมอยู่ 96.5%(ทองรูปพรรณที่ขายในร้านทอง) , 18K จะมีทองผสมอยู่ 75%(ทองที่ใช้กันในประเทศอิตาลีและไทย), 14K มีทองผสมอยู่ 58.5%(ทองที่ใช้กันในประเทศอเมริกา), 10K จะมีทองผสมอยู่ 41.6%(ทองมาตรฐานต่ำสุดที่ใช้ในอเมริกา), 9K จะมีทองผสมอยู่ 37.5% (ทองมาตรฐานต่ำสุดที่ใช้ในประเทศอังกฤษ เมื่อมีทองผสมน้อยลงเรื่อยๆ สีทองของตัวเรือนแหวนจะมีสีจางลงเรื่อยๆ ตามลำดับเช่นกัน
· ทองสีชมพู(Pink Gold) : เป็นส่วนผสมระหว่างทองคำกับเนื้อโลหะจำพวกทองแดง โดยทองสีชมพูเป็นส่วนหนึ่งของบรรดาโลหะผสมระหว่างเนื้อโลหะอัลลอยด์ชนิดต่างๆ กับทองคำ ซึ่งการผสมจะก่อให้เกิดสีที่แตกต่างกันไป โดยเนื้อโลหะที่มักจะนิยมใช้ในการผสม นั้นคือ ทองเหลือง, ทองแดง แต่ในกรณีของทองสีขาว(White Gold)นั้น จะมีส่วนผสมของทองคำ เงิน และแพลเลเดียม และทำการชุบด้วยโรเดียมเพื่อให้ตัวเรือนมีความแวววาว สวยงาม ซึ่งจะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับเนื้อของทองคำขาว(Platinum)
· ทองคำขาว(Platinum) : จัดเป็น เนื้อโลหะอีกประเภทที่แยกออกจากไม่ว่าจะเป็นทองคำ หรือ ทองคำผสมใดๆ โดยที่ทองคำขาวจะมีลักษณะของเนื้อโลหะที่เป็นประกายเหมือนกับเพชร และมีความเลอค่าสูงกว่าโลหะในการทำแหวนอื่นๆ อย่างมาก ซึ่งสิ่งที่พิเศษอย่างมากของทองคำขาว คือ มีคุณสมบัติที่ไม่ต้องการๆ ผสมกับเนื้อโลหะอื่นๆ เพื่อความทน แวววาวโดยที่ทองคำขาวนั้น มีความทนทานที่สูงมากๆในตัวของมันเองอยู่แล้ว และตัวเรือนทองคำขาวไม่จำเป็นต้องชุบเพื่อความแวววาวสวยงามอีก เพราะมีความแวววาวในตัวอยู่แล้ว โลหะอื่นๆ สามารถที่จะก่อให้เกิดอาการ "แพ้โลหะ" กับผู้ที่สวมใส่ได้ แต่ทองคำขาวจะไม่ก่อให้เกิดอาการดังกล่าว ทำให้มันเหมาะสมอย่างมากที่จะนำมาทำเป็นเครื่องประดับหรือตัวเรือนแหวน ส่วนราคาจะแพงกว่าทองคำบริสุทธิ์หลายเท่าและหาได้ยากขึ้นในปัจจุบัน
เนื้อโลหะจากที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้จะมีราคาที่แตกต่างกันไป โดยเรียงลำดับจาก ทองคำขาว(Platinum) ทองคำ(Gold) และทองคำสีชมพู(Pink Gold)โดยที่ราคาจะพิจารณาจากปริมาณของโลหะชนิดอื่นๆ ที่ใช้ในการผสมลงไป และในแง่ของความสวยงาม เนื้อโลหะผสมจะมีสีสันที่หลากหลาย และงดงามกว่าเนื้อสีทองคำแท้ๆ เสียอีก ส่วนการเลือกซื้อก็คงขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของแต่ละท่านและงบประมาณที่ตั้งกันไว้ค่ะ