
สิ่งสำคัญที่สุดก่อนที่ควรศึกษาก่อนซื้อเพชร คือการศึกษาคุณลักษณะที่ควรเลือกของเพชร ซึ่งหลักสำคัญในการดูเพชรทุกครั้ง ต้องยึดหลัก (4 Cs) ซึ่ง 4 คุณลักษณะนี้ จะเป็นตัวกำหนดราคาของเพชร หากเรารู้และเข้าใจในคุณลักษณะที่ดีแล้วจะทำให้เลือกเพชรได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำให้เราได้เพชรตรงตามความต้องการได้ง่ายและเร็วขึ้น ซึ่งร้านขายแหวนเพชรของเราได้มีสินค้าไว้บริการท่านมากมายหลากหลายรูปแบบถูกต้องตามหลัก 4Cs แน่นอน
1. Carat (น้ำหนักกะรัต) โดยหน่วย "กะรัต" เป็นมาตรฐานในการชั่งน้ำหนักของเพชรและอัญมณีอื่นๆ โดยเพชร 1 กะรัต มีน้ำหนักเท่ากับ 0.20 กรัม หรือ 5 กะรัตเท่ากับ 1 กรัม และหากเพชรที่มีขนาดต่ำกว่า 1 กะรัต จะใช้หน่วยเป็น สตางค์ (Point) ซึ่งเพชร 1 กะรัต จะแบ่งเป็น 100 สตางค์ โดยถ้าหากขนาดเพชรยิ่งเม็ดใหญ่ ยิ่งหายากราคาก็แพงมากเช่นกัน
2. Clarity (ความบริสุทธ์) โดยเพชรเป็นแร่ที่เกิดจากธรรมชาติ มักจะมีสินแร่เจือปนอยู่แล้ว หรือที่เรียกง่าย ๆ ก็คือ "ตำหนิ" นั่นเอง เพชรแต่ละเม็ดมีตำหนิมากน้อยแตกต่างกันไป มีตั้งแต่ไร้มลทินและตำหนิจนถึงมีมลทินและตำหนิมาก เพชรที่มีความบริสุทธิ์สมบูรณ์ไร้รอยตำหนินั้นมีอยู่ค่อนข้างน้อย แต่ถ้าเพชรสมบูรณ์ไร้รอยตำหนิและมีองค์ประกอบอื่น ๆ คือ สี การเจียระไน และน้ำหนักดีพร้อม จะมีราคาที่สูง การจัดลำดับความบริสุทธิ์ของเพชรที่นิยมใช้กันในยุโรปและอเมริกาได้กำหนดมาตรฐานไว้โดยต้องตรวจดูภายใต้กล้องกำลังขยาย 10 เท่า หรือกล้องจุลทรรศน์
3. Cut (การเจียระไน) โดยวิธีการเจียระไนนั้นรวมถึงความสามารถและความชำนาญในการเจียระไน สัดส่วนของเพชรนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพชรที่สวยควรมีสัดส่วนเหมาะสม ไม่ควรมีหน้ากว้างหรือแคบเกินไป และไม่ควรมีความลึกหรือตื้นจนเกิน คุณภาพของการเจียระไนและการขัดผิวจะส่งผลต่อลักษณะของแสงที่เดินทางผ่านเพชรมาให้เราเห็น คุณสมบัติเหล่านี้ได้แก่ สัดส่วนของเพชร (proportions) ความลึก (depth) ความกว้าง (width) รูปทรงของหน้าเจียระไน (facet) และความสมมาตร (symmetry) ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยที่ส่ง ผลต่อความงามของเพชรมากที่สุด การเจียระไนส่งผลต่อน้ำหนักที่พยายามรักษาไว้และความสวยงามของเพชร ถ้าหากสามารถทำให้มีความสวยและรักษาน้ำหนักของเพชรไว้ด้วยแล้วก็จะทำให้เพชรนั้นมีค่ามากขึ้น การเจียระไนที่ดีจะช่วยส่งเสริมให้เพชรมีประกายแวววาวเมื่อกระทบกับแสง โดยลักษณะของแสงที่ดีนั้น แสงทั้งหมดจะต้องถูกสะท้อนมายังผู้สวมใส่ ให้ความแวววาวสูงสุด
ในปัจจุบันด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยี ทำให้การเจียระไนเพชรทำได้หลากหลายรูปทรง มีทั้ง เพชรกลม (round brilliant) และเพชรแฟนซี ซึ่งก็คือ เพชรรูปทรงอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เพชรกลม ยกตัวอย่าง เช่น เพชรหยดน้ำ(pear) เพชรทรงรี (oval) เพชรทรงมรกต (emerald cuts) เพชรทรงหัวใจ (Hearts) เป็นต้น ซึ่งในแต่ละทรงก็มีคุณสมบัติและราคาที่แตกต่างกันออกไป
4. Color (สี) เพชรตามธรรมชาติมีหลายเฉดสี แต่เพชรที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ เพชรสีขาวใส เพชรที่มีสียิ่งขาว ก็ยิ่งสวยงามราคาก็ยิ่งแพง คนไทยนิยมเรียกสีของเพชรว่า”น้ำ” ที่หลายคนอาจคิดว่าคุณภาพสีของเพชรต้องใสไม่มีสี แต่แท้ที่จริงแล้วหาได้ยากมากในธรรมชาติ หากใช้มาตรฐาน ของ GIA จะสามารถแบ่งระดับเฉดสีของเพชร โดยเรียงจาก D ไปจนถึง Z ซึ่งอักษร D จะหมายถึง มีความขาวใสมากที่สุด โดยที่เพชรน้ำยิ่งสูงก็จะยิ่งขาวและไม่มีสีเหลืองเจือปน เพชรระดับไร้สี (Colorless) ได้แก่ เพชรน้ำ 100, 99, 98 หรือ เพชรสี D, E, F จะหายากและมีราคาสูงสุด ส่วนเฉดสีอื่น ๆ จะไล่ไปเรื่อย ๆ เช่น สีนวลอ่อน อาจจะแทนด้วยอักษร G สีเหลืองแชมเปญ จะไล่ลงไปเป็น L เหลืองเข้ม จะใช้แทนด้วย P จนกระทั่งไปถึงตัวอักษร Z ที่จะเป็นสีเหลืองสด
