เมื่อพูดถึงอัญมณีอย่างเพชรเชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะเพชรได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งอัญมณีทั้งหลาย เมื่อนำเพชรมาเจียระไนทำเป็นเครื่องประดับจึงทำให้ผู้คนทั้งชายหญิงต่างอยากได้มันมาครอบครองสักชิ้นหนึ่งเพื่อใส่เสริมบารมีสร้างบุคคลิกให้ดูดีมีภูมิฐานไปอีกขั้นหนึ่ง แต่ด้วยความที่เพชรนั้นเป็นแร่คาร์บอนบริสุทธิ์ซึ่งเกิดจากธรรมชาติมีคุณสมบัติพิเศษ เป็นสิ่งที่แข็งที่สุดในโลกแต่ก็มีความเปราะ
ดังนั้นการนำเพชรมาผ่านกระบวนการขั้นตอนต่างๆ กว่าจะเป็นเครื่องประดับสักชิ้นก็ต้องใช้เวลา ใช้เงิน เครื่องมืออุปกรณ์ และที่สำคัญคือ ฝีมือการเจียระไนของช่างที่ทำให้เกิดเป็นรูปทรง มีเหลี่ยมสะท้อนแสงแววาว ทำให้เครื่องประดับที่เป็นเพชรนั้นมีราคาสูงมาก แต่ด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดทำให้ในปัจจุบันนั้นมีการผลิตเพชรเทียมขึ้นมาหรือที่เรารู้จักกันในชื่อเพชรCZ โดยเพชรCZ นี้มีลักษณะที่เหมือนกันกับเพชรแท้อย่างมาก หากมองด้วยตาเปล่าจะไม่สามารถแยกแยะได้ต้องส่องด้วยกล้องที่มีกำลังขยายตั้งแต่ 10 เท่าขึ้นไป ทำให้คนส่วนใหญ่อาจจะโดนหลอกให้ซื้อเพชรCZ นี้ในราคาที่เป็นเพชรแท้ได้ ดังนั้นการเลือกซื้อเพชรต้องละเอียดจะดูเพียงแค่เพชรแท้มีกี่เหลี่ยม น้ำหนัก ตำหนิ หรือสีไม่ได้
หากคุณต้องการแยกแยะเพชรแท้ออกจากเพชรเทียม โดยหาข้อมูลเพียงแค่เพชรแท้มีกี่เหลี่ยมนั้นคงไม่เพียงพอที่จะแยกแยะได้ และจำนวนเหลี่ยมของเพชรนั้นก็ไม่ได้เป็นจุดตัดสินว่าเพชรเม็ดใดเป็นเพชรแท้หรือเพชรปลอม แม้จะเป็นเพชรแท้ด้วยกันทั้งคู่ก็อาจจะมีจำนวนเหลี่ยมที่ไม่เท่ากันก็เป็นได้ เพราะเหลี่ยมของเพชรนั้นจะแตกต่างกันไปตามรูปทรงของเพชรที่ช่างได้เจียระไนออกมา อีกทั้งการเจียระไนเพชรCZ ให้มีรูปทรงและเหลี่ยมที่เหมือนกับเพชรแท้ก็สามารถทำได้ แต่สิ่งที่จะแตกต่างกันนั่นก็คือ เหลี่ยมของเพชรแท้นั้นจะมีความคมของเหลี่ยมมากกว่าเพชรCZ นั่นเอง
อย่างที่เรารู้กันดีว่าเพชรนั้นต้องผ่านการเจียระไนโดยช่างผู้ชำนาญ เนื่องจากเพชรดิบนั้นจะไม่สามารถสะท้อนส่องแสงแวววาวได้อีกทั้งยังไม่เป็นรูปทรง ดังนั้นการเจียระไนก็เพื่อเป็นวางรูปทรงของเพชร จัดหน้าเพชรต่างๆ ให้สมดุลสามารถสะท้อนแสงแแพรวพราวได้ ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีช่างก็จะเจียระไนเป็นแบบเพชรเหลี่ยมกุหลาบ (Rose Cut) บางคนเรียกเพชรเหลี่ยมเก่า เพชรเหลี่ยมกุหลาบนี้จะมีเพียง 10-20 หน้าเท่านั้น ทำให้เล่นประกายไฟน้อย แต่ในปัจจุบันช่างก็จะเจียระไนเพิ่มเหลี่ยมเข้าไปเพื่อให้เพชรนั้นเล่นประกายไฟได้ดีขึ้น ซึ่งเรียกว่า เพชรเหลี่ยมเกสร (Round Shape หรือ Brilliant Shape) มีประมาณ 57-58 เหลี่ยม

นอกจากนี้ยังมีเหลี่ยมเพชรในรูปทรงต่างๆ อีกที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน เช่น เพชรรูปไข่(Oval Shape) เพชรรูปหยดน้ำ(Pear Shape) เพชรรูปหัวใจ(Heart shape) เพชรรูปสี่เหลี่ยมหรือพรินเซสส์(Princess Cut) เพชรรูปสี่เหลี่ยมมรกต(Emerald Shape) เพชรรูปมาร์คีย์หรือรูปทรงข้าวสาร(Marquise Shape) เพชรทรงเรเดียนส์(Radiant Cut) เป็นต้น
ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่าการหาคำตอบว่าเป็นเพชรแท้หรือไม่นั้น โดยถามเพียงแค่เพชรแท้มีกี่เหลี่ยมนั้นไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเพชรแท้หรือเพชรปลอมชนิดใด ดังนั้นการเลือกซื้อเครื่องประดับเพชรแท้นั้นควรใส่ใจในรายละเอียดในด้านต่างๆ ให้มากขึ้นกว่าเดิม ส่วนในด้านราคาของเพชรนั้นก็ขึ้นอยู่กับหลัก 4C นั่นก็คือ
1. ขนาด หรือ น้ำหนัก (Carat)
2. สี (Color)
3. ความสะอาดภายใน (Clarity)
4. การเจียระไน เหลี่ยม (Cut)
ซึ่งการเจียระไนนี่แหละที่ทำให้เกิดรูปทรงและเหลี่ยมต่างๆ ที่ส่องสะท้อนแสงแวววาวพราวแพรว โดยมีระดับการเจียระไนดังนี้คือ ดีเยี่ยม (Excellent) ,ดีมาก (Very Good) ,ดี (Good) ,พอใช้ (Fair) ซึ่งเราควรซื้อในระดับดีมากเป็นอย่างน้อย